Friday, 30 May 2014

ด่วน! : แถลงการณ์จากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พณฯท่านจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

ผมได้รับแถลงการณ์นี้จากผู้ใกล้ชิดคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในขณะนี้ คำแถลงการณ์คือข้อเรียกร้องเกี่ยวกับวิกฤติในประเทศไทยปัจจุบัน

ผมได้รับทั้งคำแปลภาษาอังกฤษและจดหมายที่เขียนโดยลายมือ (ดู screengrabs ด้านล่าง) ซึ่งลงนามโดยคุณจารุพงศ์ ซึ่งลายเซ็นตรงกับเอกสารที่ได้เผยแพร่บนเฟสบุ๊คของคุณจารุพงศ์ก่อนหน้านี้ 


คำแถลงการณ์บ่งบอกถึงความต้องการที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่ และดูเหมือนว่ากำลังจะมีการจัดตั้งขบวนการต่อต้านกลุ่มคณะเผด็จการทหารไทยอย่างชัดเจน

30 พ.ค. 57

ข้อเรียกร้องของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยผ่านประชาชนผู้รักประชาธิปไตย

1.ให้แก้ปัญหาของชาติด้วยการยึดหลักประชาธิปไตย คืนอำนาจให้ประชาชน จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด

2. ให้หยุดการสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการใช้ความรุนแรง, ข่มขู่, จับตัว, เรียกตัวให้ไปรายงานตัว และให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับ ถูกเรียกตัว และนักโทษการเมืองทั้งหมดทันที

3. ให้หยุดใช้อำนาจนอกระบบ (มือที่มองไม่เห็น) แทรกแซงสถาบันตุลาการ องค์กรอิสระ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกำจัดบุคคลที่เห็นต่าง และมุ่งล้มระบอบประชาธิปไตย อย่างสองมาตราฐาน และให้เร่งปฏิรูประบบความยุติธรรมให้คืนสู่มาตราฐานสากล เพื่อความเชื่อถือของนานาชาติ

เพื่อให้เกิดพลังการต่อสู้ ขอให้ทุกท่านร่วมสร้างเอกภาพการต่อสู้ร่วมกันในทิศทางเดียวกัน

นายจารุพงศ์ เรื่องสุวรรณ



EXCLUSIVE BREAKING: Statement from H.E. Mr Charupong Ruangsuwan, Pheu Thai Party Leader

I have just received the following statement from a source linked to the on-the-run Pheu Thai Party leader, Charupong Ruangsuwan. It makes a list of demands regarding the present crisis in Thailand.

I received both an English translation and a hand-written version in Thai (see screengrabs below) which is signed by Charupong - the signature matches that of an earlier released document on Charupong's Facebook page

The statement is very combative and seems to make it clear that some form of organised resistance to the Thai junta is now gathering itself together.

Demands of H.E. Mr. Charupong Ruangsuwan Pheu Thai Party Leader (Through democracy-loving people): 

1) Resolve Thailand’s crisis with democratic principles. Return power to the people. Hold an election at the soonest. 

2) Stop “The Kingdom of Fear” and all the human-right abuses of using violence, making threats, abducting and kidnapping, forcing to report. Arrested and detained people must be released immediately. 

3) Stop “The Invisible Hand” (the influence outside the systems) and the interference of judiciary independent powers to rid Thailand of opposing / different ideas and to destroy Thailand’s democracy with the notion of double standards. Accelerate the restoration of the judiciary system to international standard for Thailand to be believed again. 

For the power to fight back, unite our forces to the same direction.



Thursday, 29 May 2014

คู่มือเล่มเล็กภาษาลิ้นสองแฉกของคณะเผด็จการทหาร - ยุคใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว!

ในเดือนธันวาคม ผมได้เผยแพร่คู่มือเล่มเล็กเรื่องการภาษาลิ้นสองแฉกการเมืองไทย

ตอนนี้คณะเผด็จการทหารขึ้นมามีอำนาจ และยุคแห่งการใช้ภาษาลิ้นสองแฉกได้เริ่มต้นขึ้น

นี่คือการตีความของผม หากผู้อ่านมีอะไรเพิ่มเติมให้เขียนคอมมเมนท์ด้านล่างครับ



กำจัดอิทธิพลทักษิณ = กำจัดผู้ร่างกฎหมายและข้าราชการที่ได้รับอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย

ถูกจับกุม = ถูกลักพาตัว

ถูกคุมขัง = ถูกจับเป็นตัวประกัน

การพิจารณาคดี = การลงทัณฑ์

อาชญากรรม = การกระทำที่ถูกกฎหมาย

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ = คณะอาชญากรสร้างความเกลียดชัง

การกระทำที่ถูกกฎหมาย = อาชญากรรม

เอกสารที่ถูกรับรองโดยพระมหากษัตริย์ = เอกสารที่ไม่มีการลงนามและแหล่งที่มาน่าสงสัย

ที่ปรึกษา = พวกพ้อง

ความสุข = รัฐแห่งความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยคือรัฐที่ล้มเหลว = เรากี่ยวข้องกับการสร้างเงื่อนไขที่รับประกันว่าประเทศไทยจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว

กองทัพไทย = แก๊งอาชญากร

การเลือกตั้ง = สิ่งที่เราพ่ายแพ้และเป็นสิ่งที่เรากลัวอย่างมาก

การชุมชุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย = การต่อต้านที่ชอบด้วยกฎหมาย

Mini-guide to Thai Junta DoubleSpeak - A New Era!

Back in December I published a mini-guide to Thai Political DoubleSpeak.

With a military junta now in power a new era in DoubleSpeak has begun.

Here are my interpretations - leave yours in the comments section.





Removing Thaksin’s Influence - removing democratically mandated public servants and lawmakers.

Arrested = kidnapped

Detained = held hostage

Trial = punishment

Crimes = lawful acts

National Council for Peace and Order = National Council for Hate and Crime

Lawful acts = crimes

Royal endorsement = unsigned document of dubious origin

Advisors = cronies 

Happiness = a state of continual fear

Thailand is a failed state = we were very involved in creating conditions which guaranteed Thailand’s failed state

Thai Army = criminal gang

Elections = something we will lose and something we fear very very much

Illegal protests = legal resistance

Lese majeste syndicate = ordinary citizens harmlessly engaging in freedom of expression

Reconciliation Centres = Internment Camps

New Thai Open Legal Aid Centre Established for Coup/Junta Victims

Thai Lawyers for Human Rights
Tel: 096-7893172 or 096-7893173 e-mail: tlhr2014@gmail.com

Open Legal aid centre “Thai Lawyers for Human Rights” – TLHR
Released on 28 May 2014
Today, 28 May 2014 a group of lawyers launched the “Thai Lawyers for Human Rights” –TLHR in order to provide legal advice and to enhance understanding about law, human rights and the orders currently being issued under the declaration of Martial Law in the country.
​            The National Council for Peace and Order (NCPO) has issued a numbers of orders and regulations including a list of persons summoned by the NCPO who need to report themselves at the designated time and place. A number of persons have been detained and arrested under the Martial Law. Search operations are also being conducted.
These numerous orders and operations undertaken under the Martial Law has caused confusion and misunderstanding amongst ordinary persons who are not able to understand the complicated legal procedures under the Martial law. People are also not aware about their human rights.
In order to ease the situation, a group of Thai lawyers have cooperated and opened a hotline and email to receive primary complaints and answer questions from persons affected by the situation.  The TLHR also intends to compile the cases to monitor the situation and the trends. ​           
TLHR will provide legal assistance through volunteers and lawyers including receiving complaints, enquiries, trial observation, fact finding.
For enquiries, please call 096-7893172 and 096-7893173  at  09.00 – 17.00 daily or email at tlhr2014@gmail.com 
​            The objective is to increase understanding of general population on the legal procedures under the martial law and new orders and to provide legal aid and assistance to those in need.

Republished with permission of TLHR

Tuesday, 27 May 2014

สัมภาษณ์พิเศษ: ผู้ถูกคุมขังทางการเมืองที่ได้รับการปล่อยตัว

ช้าวันนี้ผมได้สัมภาษณ์ผู้ที่ถูกคุมขังทางการเมืองซึ่งได้รับการปล่อยตัว นายณัฐพัทธ์ อัคฮาด เป็นครั้งแรกที่เราจะได้รับรู้ถึงชีวิตในค่ายทหารของผู้ที่ถูกคุมขัง

นายณัฐพัทธ์ถูกทหารไทยจับกุมในวันที่เกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม เขาคือบุตรชายของนางพะเยาว์ อัคฮาดซึ่งบุตรสาวนางสาวกมนเกด ถูกทหารไทยยิงสังหารวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ในขณะที่ทำงานรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ


คุณถูกจับตัวอย่างไร?

ผมถูกจับตัวที่ชุมนุมนปช.ที่ถนนอักษะในวันที่ 22 พฤษภาคม ทหารได้ยิงปืนขึ้นฟ้าในขณะที่พวกเขาบุกเข้ามาพวกเขาติดอาวุธ ทหารจับตัวเราไปหกคน ตอนแรกทหารเอาผมขึ้นรถทหาร และเปลี่ยนเป็นรถตู้ พวกเขาดูแลเราดี ผมไม่รู้สึกกลัวเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่สามารถบอกได้ว่าทหารพาผมไปที่ไหนเพราะนี่คือเงื่อนไขของการปล่อยตัว

คุณทราบหรือไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่ของแกนนำนปช.คนอื่นเป็นอย่างไร?

ไม่ทราบ เพราะอยู่คนละที่ ตอนที่ถูกจับทุกคนโอเค แต่ผมไม่สามารถพูดได้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง

คุณสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่าห้องคุมขังมาสภาพเป็นเช่นไร?

เป็นห้องขังขนาดเล็กมากๆ ไม่มีเตียง มีแค่ผ้าปูที่นอนกับพื้น ไม่มีพัดผม ห้องจึงร้อนมากๆ มีห้องน้ำอยู่ในห้องขังแต่สภาพไม่ดีเลย คุณภาพของอาหารก็ทั่วไป ผมถูกคุมขังอยู่ในค่ายทหาร ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกาย ผมได้รับอนุญาตให้โทรไปหาครอบครัวแค่ครั้งเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ ผมไม่ได้คุยกับทนายและก็ไม่มีใครยื่นข้อเสนอให้ผมพูดกับทนาย ผมได้รับการตรวจเช็คร่างกายด้วย

มีใครถูกทำร้ายในการคุมขังหรือไม่?

เท่าที่ผมรู้ ไม่มีครับ แต่ผมถูกขังอยู่คนเดียว และไม่มีใครคุยด้วย

มีเงื่อนไขการปล่อยตัวอย่างไรบ้าง?

ห้ามไม่ให้ร่วมกิจกรรมการเมือง และห้ามออกนอกประเทศ นี่คือเงื่อนไขหลักสองข้อ หากผมอยากเดินทางออกนอกประเทศก็ต้องขออนุญาติทหาร

คุณรู้สึกอย่างไรตอนนี้?

ผมไม่กลัว ผมทำในสิ่งที่ถูกต้องในการเรียกร้องหาความยุติธรรมนับตั้งแต่เหตุการณ์ปี 2553 ตอนนี้ผมจะสู้เพื่อให้คนที่ถูกขังได้รับการปล่อยตัว ผมอยากพูดกับคณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คุณพอใจที่จะใช้ชื่อจริงคุณในการสัมภาษณ์ครั้งนี้หรือไม่?

ผมไม่กลัว ผมแค่พูดความจริงว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้น

EXCLUSIVE: Interview with Released Thai Political Detainee

This morning I managed to complete an interview with released political detainee Nattapat Akkahad. It is one of the first insights into life inside the camps for the detainees. 

Nattapat was seized by the Thai Army on the day of the coup on 22nd May. He is the son of Payao Akkahad whose daughter, Kamolkade, was shot and killed by the Thai Army on May 19th 2010 whilst working as a medic.

Nattapat with his mother, Payao

How were you seized?

I was seized at the UDD rally at Aksa Road on the 22nd May. The Army were shooting in the air as they approached and they were fully armed. They took six of us away. First of all they put in me into an Army truck then transferred me into a van. They looked after us all quite well. I didn’t really feel scared as I knew we’d not done anything wrong. I cannot say where they took me because that’s a condition of my release.

Do you know the condition of any of the other UDD leaders?

No, they are all in different locations. When we were taken they were all ok but I can’t speak of how they are now.

Can you describe the conditions you were kept in?

It was in a very small prison cell. There was no bed, just a mat on the floor. No fan, so it was very hot, extremely hot. I had a toilet in the cell but it was in very bad condition. Food quality was ok. I was being held in an army camp. I wasn’t allowed out for any exercise. I was allowed to telephone my family over the weekend - only the one time. I didn’t ask to speak to a lawyer and was never offered access to one. I was also given a medical examination.

Was anybody mistreated in the prison?

To my knowledge, no. But I was there alone and so there was nobody for me to speak to. 

What were the conditions of your release?

I’m not allowed to take part in political activity, not allowed to leave the country. These are the main two conditions. If I want to leave the country I have to ask for permission from the army.

How do you feel now?

I am not scared. I have done the right thing in calling for justice for what happened in 2010. I will now fight for those who are detained to be released. I want to speak to the diplomatic and international organisations about what happened.

Are you happy for your full-name to be used in this interview?

I’m not afraid. I can only speak the truth about what happened. 







Saturday, 24 May 2014

Who Are Thai Activists/Academics/Politicians Sought by Thai Army for Detention?

Here is the list of the 35 names sought for detention by the Thai Army.

This has been done in a rush but I've included what I know about them - if you know more add as a comment with the corresponding number.

As far as I can tell there are NO "Democrat" Party members included on this list. 


1. Mr. Krieng Kantinan 

2. Pol. Lt. Gen Chalong Sonjai

3. Pol. Gen Pracha Phomnok - former minister of justice

4. Mr. Phipatchai Paiboon

5. Mr. Sonthi Limthongkul - former leader of PAD movement

6. Mr. Worachet Phakkirat - academic, lawyer and member of pro-democracy and progressive Nitirat group of law experts and academics

7. Mr. Phetchawat Wattanaphongsirikul - leader of Red Shirts in Chiang Mai

8. Pol Prasit Chaiyasrisa - former Pheu Thai MP

9. Mr. Somsak Thepsuthin - former Pheu Thai MP

10. Mr. Suwat Liptaphanlop - former Deputy PM to Thaksin Shinawatra

11. Mr. Anuthin Chanwirakul - former leader of Bhum Jai Thai Party.

12. Mr. Suthin Khlangsaeng

13. Mr. Surachai Tanwattananusorn - Also known as Surachia Sae-dan. Former lese majeste prisoner and political activist.

14. Mr. Sunai Chulaphongsathorn - former Pheu Thai MP and pro-democracy activist

15. Mr. Sa-gnuan Phongmanee

16. Mr. Pavin Chatchawalpongpan - academic, not in country

17. Mr. Thanapol Eawsakul - editor of pro-democracy Same Sky magazine.

18. Mr. Nat Satthayapornpisut - former lese majeste prisoner

19. Mr. Jakraphan Borirak - pro-democracy activist and Red Shirt radio host.

20. Mr. Thanthawut Thaweewatlodomkul - former lese majeste prisoner

21. Mr. Warawut Thanangkorn

22. Mr. Somsak Jiamthirasakul - Thai academic and historian

23. Mr. Suraphak Phuchaisaeng - former lese majeste prisoner and pro-democracy activist

24. Mr. Suraphot Thaweesak

25. Mr. Phanthiwa Phumiprathet

26. Chanin Klaiklung - Air force officer awaiting trial for lese majeste.

27. Mr. Nitiwat Wanasiri

28. Mr. Saran Chuichai

29. Miss Suda Rangkuphan - Thai academic and pro-democracy political activist

30. Mr. Traiwong Sinsuppon

31. Mr. Chai-anan Phaisithong

32. Mr. Chut (?) Yonoknakphan

33. Mr. Wat Wanlayangkul - author and writer

34. Miss Saotri Suksri - member of pro-democracy and progressive Nitirat group of law experts and academics

35. Mrs. Sutsa-nguan Sutthison - Thai academic and pro-democracy political activist

Monday, 19 May 2014

สัมภาษณ์พิเศษ: แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ กรณีนักข่าวบีบีซีอ้างว่ามี "กองกำลังติดอาวุธ" ในกลุ่มคนเสื้อแดง

มีข้ออ้างมากมาย โดยเฉพาะจากสำนักข่าวบีบีซีว่ากองกำลังติดอาวุธของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยเสื้อแดงเป็นผู้ทำร้ายผู้ชุมนุมที่นิยมเผด็จการฟาสซิสต์ 

มาจนถึงบัดนี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น เนื่องจากสำนักข่าวบีบีซีไม่มีหลักฐานหรือแหล่งข่าวชั้นปฐมภูมิเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว ข้อเท็จจริงคือ นักข่าวบีบีซีประจำกรุงเทพฯ นายโจนาธาน เฮด ได้เปลี่ยนเรื่อง จากที่วอ้างว่าเขาได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากบุคคลที่สามซึ่งใกล้ชิดกับคนในกองกำลังติดอาวุธที่ก่อความรุนแรง มาเป็นว่าเขาได้พบปะกับกลุ่มคนที่ก่อความรุนแรงเสียเอง ตกลงอันไหนคือเรื่องจริงกันแน่? ดูเหมือนว่านายโจนาธานจะสับสน
ถึงแม้ว่า หลักฐานชั้นสองและสามจะไม่น่าเชื่อถือและคลุมเคลืออย่างมาก แต่นักข่าวบีบีซียังอ้างไปอีกว่ามีกองกำลังติดอาวุธ "จัดตั้ง" ในกลุ่มคนเสื้อแดง "หลายพันคน"

แน่นอนว่าการปฏิบัติการกองกำลังติดอาวุธที่มีการจัดตั้งเป็นโครงสร้างโดยมีเป้าหมายทางการเมืองอย่างชัดเจนเช่นนั้นจำเป็นต้องมีวินัย การฝึกฝนอย่างนาน สายบังคับบัญชา และอาวุธยุทโธปกรณ์หลายพันชิ้น แต่จนบัดนี้นักข่าวบีบีซีก็ยังไม่สามารถแสดงหลักฐานว่ามีกองกำลังติดอาวุธได้แม้แต่ชิ้นเดียว นอกจากข้ออ้างที่ว่าได้พูดคุยกับ "แหล่งข่าว" เท่านั้น

ดังนั้น ผมข้อท้าให้นายโจนาธาน เฮดแสดงหลักฐานพิสูจน์ข้ออ้างนั้นมา หากทำไม่ได้เขาจะก็ควรจะหยุดพล่ามได้แล้ว

ผมสัมภาษณ์และสอบถามแกนนำนปช.นายจตุพร พรหมพันธุ์กรณีข้ออ้างเรื่องดังกล่าวของนักข่าว ทั้งนี้เพื่อจะทำให้การถกเถียงเรื่องดังกล่าวความสมดุล



1. นักข่าวบีบีซีรายงานว่ามีข้อเท็จจริงปรากฎว่ากองกำลังจัดตั้งติดอาวุธของคนเสื้อแดงยิงระเบิด M 79 และสังหารเด็กที่แยกราชประสงค์ คุณมีความเห็นอย่างไรกับรายงานนี้?

ไม่ปรากฎว่ามีพยานหลักฐานใดๆที่ไประบุว่าคนเสื้อแดงกระทำการดังกล่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปทำร้ายพี่น้องประชาชน ฉะนั้นขณะนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่การสืบสวนสอบสวนของจนท.ตำรวจ คนเสื้อแดงยึดแนวทางสันติวิธี การไปทำเรื่องดังกล่าวนั้นมีแต่เสียแนวร่วมและมวชชน และเป็นการทำลายตัวเองเพราะฉะนั้นยืนยันว่าไม่มีคนเสื้อแดงที่จะไปคิดกระทำการเช่นนั้น เพราะไม่เป็นประโยชน์กับขบวนการต่อสู้และยิ่งจะเป็นการทำลายขบวนการของตัวเอง  ส่วนใครจะเป็นผู้กระทำการนั้นก็ขึ้นอยู่กับการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


2. นอกจากนี้บีบีซียังอ้างว่ามีการจัดตั้ง “กองกำลังติดอาวุธ” ของคนเสื้อแดง “หลายพันคน” ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธขนาดใหญ่และมีการจัดการดีมามาก คุณคิดอย่างไรกับข้อกล่าวหานี้?

ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หากมีกองกำลังดังกล่าวและมีปริมาณอย่างที่เป็นข่าวนั้นก็ต้องมีการเห็นอย่างชัดเจน คนจำนวน 1,000-2,000 คนติดกำลังอาวุธนั้นก็จะต้องมีพยานหลักฐานจะต้องมีการฝึก และก็จะต้องมีตัวตน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ปี 2553 มีการกล่าวหาว่ามีเสื้อแดงติดอาวุธอยู่ 500 คน เราก็บอกว่ามีสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศจำนวนมากทำข่าวที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ เราไม่เคยมีพื้นที่หวงห้าม ซึ่งถ้ามันมีกองกำลังดังกล่าวจริงก็จะต้องมีภาพปรากฎ แต่ข้อเท็จจริงมันไม่มีกองกำลังดังกล่าว แต่ข่าวที่ว่ามีกองกำลังนั้น จะเป็นการให้ข่าวจากคนที่เป็นปริปักษ์กับคนเสื้อแดง เพื่อที่จะใช้เป็นความชอบธรรมเข่นฆ่าคนเสื้อแดง

3. แม้ว่าทหารไม่สามรถทำอะไรได้ในตอนนี้อย่างเปิดเผย คุณคิดว่าคำข่มขู่รัฐประหารนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่?

คือการรัฐประหารในประเทศไทยเกิดได้ทุกเวลา ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะประเทศไทยมีความอ่อนด้อยเรื่องประชาธิปไตย การแทรกแซงโค่นล้มประชาธิปไตยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และไม่มีการที่จะถูกกำหนดว่าจะสิ้นสุดการรัฐประหารไปแล้ว ครั้งก็เช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่าการสร้างสถานกาณ์ของกปปส.นั้นจะนำสู่ไปการทำรัฐประหารเป็นหัวใจหลัก เพราะหนทางอื่นนั้นไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นได้ ยกเว้นการทำรัฐประหารเท่านั้น

4.คุณคิดว่าคนเสื้อแดงและนปช.จะช่วยสร้างความเข็งแกร่งให้กับประชาธิปไตยไทยได้อย่างไร?

ก็ด้วยการต่อสู้ของประชาชนที่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ในประเทศนี้ และการประกาศแนวทางประชาธิปไตยนั้นจะได้กับทุกคนที่เป็นคนไทย และทุกคนแม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันก็ตาม ในท้ายที่สุดการต่อสู้ของคนเสื้อแดงจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นั้นคือปลายทางของการต่อสู้

EXCLUSIVE INTERVIEW: Thai Pro-Democracy Leader Jatuporn Prompan on BBC Claims of a Red Shirt "Armed Wing"

There are numerous claims - particularly from the BBC - that armed elements of the Thai pro-democracy Red Shirt movement have been staging violent attacks against the Thai fascist protests and rallies. 

So far these allegations remain only as claims and when pressed on what evidence exists the BBC have offered no primary evidence or source. In fact the BBC's Bangkok correspondent, Jonathan Head, has changed from claiming that third parties close to the armed wing told him who carried out the violence to claiming he has personally met those engaged in the violence. Which is it? He seems very confused.

Yet, despite this very slippery & dubious tertiary and secondary evidence  the BBC's correspondent has gone on to make further claims that "several thousand" armed Red Shirts now exist in a "cell structure."

Of course to operate such an armed cell structure with an explicit political agenda requires discipline, extensive training,  a chain of command and 1000s of weapons and tons of ammunition. The BBC's correspondent has yet to provide one single scintilla of evidence of any of that existing apart from a "source" he has spoken to.

So, I challenge Jonathan Head to put up or shut up.

It should also be noted that Mr Head has yet to provide a space to a single Red Shirt voice to challenge his claims - a clear breach of the BBC's rules on impartiality.

To give some balance to the debate I interviewed the leader of Thailand's pro-democracy UDD/Red Shirt movement, Jatuporn Prompan and asked him about the BBC's claims.



The BBC have stated as fact that an armed cell of the Red Shirts fired the M79 at Ratchaprasong that killed the children - do you have any thoughts on that?

"There is no evidence showing that the Red Shirts carried out this action. There is no point for the Red Shirts to attack civilians and now the case is being investigated by the police. The Red Shirts uphold peaceful means and to carry out such an attack would undermine the mass support we receive. It would also destroy ourselves [our movement].  Therefore I can confirm that none of the Red Shirts will carry out such an attack as it doesn’t benefit the movement. It’s up to the police to find out who carried out this attack."

Another claim from the BBC is that there are "1000s" of organised "armed cells" of Red Shirts - which would make for a very, large, well-organised armed wing - how would you respond to that?

"I can confirm that this is not true. If we have that kind of armed wing with the numbers that the journalists claim then it must be very obvious and easy to see. If there are one to two thousand armed people then there must be some evidence of them being trained. They must also “exist” in evidence - you cannot just say they are there. This is just like 2010 when there was an allegation that 500 Red Shirts were armed. So we responded to the allegation then that there was a lot of foreign and Thai media at Phan Fa and at Ratchaprasong, with no restricted areas. If there was an armed element then where were the pictures? But the fact was that there was no armed element. The story about an armed element existing was issued by the Red Shirt’s enemies in order to justify the killings of the Red Shirts." 

Whilst the army seem unable to act right now - at least in the open - are their threats real?

"The coup in Thailand could happen at any time. No one can confirm when will the ‘last time’ [a coup will be staged]. Thailand’s democracy is so fragile that the overthrow of it could happen at any time. No-one can guarantee when these coups will end. So, at the moment, I believe the PDRC [fascist] movement are trying to create a situation which will lead to a coup d’etat. This is the key goal of the PDRC because they cannot change anything by using other means. Their only option is a coup d’etat." 

How can the Red Shirts and the UDD help secure Thailand's democracy?


"By utilising the struggle of the vast majority of Thailand. They [the Red Shirts] represent the majority. The declaration of democracy will benefit all Thai citizens despite the differences in opinion and, eventually, the Red Shirts’ struggle will lead to change and will bring true democracy by the people. This is the goal of our struggle." 

Saturday, 17 May 2014

Statement by the Assembly for Defense of Democracy - "Election = Solution, Illegal PM = a cul-de-sac"

Election = Solution, Illegal PM = a cul-de-sac

Published with permission of the AFDD.

The protracted demonstrations led by the People's Democratic Reform Committee (PDRC) during the past six months have clearly indicated a collusion among the PDRC, the Democrat Party, various courts, the Election Commission of Thailand (ECT), some Senators and certain independent regulatory agencies. 



Concertedly, they have made impossible any solution based on the rule of law and democracy. Key sections of the Constitution and other laws have been misinterpreted and misapplied to crush political opponents and justify a series of blatantly illegal actions. The thuggish exercise of power has led to widespread violations of  the right to life, person and property of the people as well as infringement of the lawful authority of various governmental agencies. Such defiant actions have been taken simply to bring about a political vacuum and turn the country into a failed state, paving the way for the military to take power. 

Even after the Constitutional Court has ruled to terminate the ministership of the Caretaker Prime Minister, Ms. Yingluck Shinawatra, and nine other Ministers, an attempt is still being made to impede further performance of duty by the remaining cabinet members so as to bring about a complete paralysis of the administration whereby no fresh elections can be held. Every effort is being geared toward misapplying the law and installing an “illegal Prime Minister”. The process has caused deep resentment and confusion among the public. 

Hence, the Assembly for the Defense of Democracy (AFDD), which is a collective of people who uphold the principle of “one person one vote” and political equality in general, would like to recommend the following:


1. All political actors must refrain from any breach of the Constitution. Any interpretation of the Constitution against democratic principles must be rejected and overturned. The arbitrary usurpation of power beyond what is provided for by the law must be stopped. In particular, any move by the Vice-President of the Senate, Mr. Surachai Liengboonlertchai, to nominate an “illegal Prime Minister” for confirmation by His Majesty the King must be abandoned. 

2. Eventually, if the ECT continues to put off the holding of a fresh election, AFDD is of the considered opinion that the Caretaker Government by itself has the full authority to issue a Royal Decree to fix the new date of fresh election. The Acting Prime Minister, Mr. Niwatthamrong Boonsongpaisan, is legally authorized ex officio to countersign the royal command in his own capacity. No provision in the 2007 Constitution provides against the Acting PM performing his duty on such a matter. Please note that according to the Electoral Integrity study by researchers from Harvard University and Sydney University, Thailand’s 2 February 2014 election is ranked as one that satisfactorily meets international standards in terms of legal integrity. What has failed to meet the standards was the performance of the ECT themselves and the attempt by PDRC to derail the election, leading to rampant political violence. 
3. All parties must refrain from acts of violence that so far have brought about massive causalities and considerable damage to properties of both the private and governmental sectors. In particular, any attempt to intervene in and intimidate work by journalists must be stopped. 
4. A political reform must be carried out to ensure that all political institutions, the administration of justice and the state bureaucracy are accountable to the people. However, such reform cannot possibly be achieved simply by listening to just one group of people who are taking to the streets or those who abuse their authorities in the constitutional organs. A reform must begin by responding to the needs of diverse groups of people and advance on the basis of an inclusive and equal partnership, without which a reform will merely serve as an excuse for the elites to grab power and hold on to their own vested interests. 


With concern for Thai society,

Assembly for the Defense of Democracy (AFDD) 

14 May 2014

Thursday, 8 May 2014

Hugging Fascists - The Foreign Correspondents' Club of Thailand's Fake "Neutrality"

In 2011 one of the UK's most respected journalists was in Bangkok on an assignment. During the course of that assignment he happened to visit Bangkok's well-known Foreign Correspondents' Club Thailand (FCCT).

"This place is nothing to do with journalism," he said. "It's just about PR."


The Spanish Civil War got George Orwell. Bangkok 2014 got Jonathan Head.

Fast-forward a couple of years and Thai journalist, political activist and trade unionist Somyot Prueksakasemsuk, has just received a lengthy prison sentence for being the editor of a magazine that contained an article which was deemed to make allegorical references to the Thai King which were also deemed to commit the crime of "lese majeste". 

The FCCT made no statement of condemnation regarding Somyot's imprisonment. In fact, well-known FCCT members took to social media and publicly attacked Somyot stating that he is "not a real journalist" because he is "biased" and has "political affiliations". 

Earlier this year (2014) the FCCT made a further statement about "neutrality" with the clear message that the only "journalists" they consider "bonafide" are the ones that meet their "neutrality" test. It's a truly cowardly and pathetic position to adopt that undoes a very noble history of foreign correspondents - e.g. George Orwell in the Spanish Civil War - opposing the kind of fascism and totalitarianism that is very obviously on the march in Thailand. 

In 2014 the FCCT also elected a new President, the BBC's Jonathan Head, a man who breached any ethical guidelines by admitting he "hugged" an activist of the violent Thai fascist PDRC mob and who also asked questions on behalf of fully-paid up members of the fascist-supporting Thai Democrat Party. When I questioned Mr Head about these matters he then sent me abusive and intimidating emails, something for which his bosses at BBC News were forced to apologise for.

And now, after another attack on Nick Nostitz, one of the few foreign journalists in Bangkok willing to speak out against the rise of fascism in Thailand, the FCCT issue a quite extraordinary response claiming that violent attacks by the PDRC have "not been reported". 

Now, let's be clear, and I'll put this in caps THE ONLY REASON THAT THE VIOLENT ATTACKS BY THE PDRC HAVE NOT BEEN REPORTED IS BECAUSE BANGKOK'S FOREIGN MEDIA CORPS HAVE IGNORED THEM. 

Their have been literally hundreds of violent attacks by PDRC thugs on ordinary Bangkokians over the last six months. These attacks have included murder, attempted murder, stabbings, beatings, shootings and arson. They've been very WIDELY REPORTED IN THE THAI PRESS. Yet, strangely enough, they've received scant attention from the Thai English-language press, the foreign media corps in Bangkok and the English blogging and social media community. I've picked up on a few but it gets to feeling like you're banging your head on a brick wall when, as a single lonely blogger, you report this stuff and then get routinely accused of "bias" by the same FCCT members who are now lamenting the "under-reporting" of these violent attacks.

Look, FCCT lackeys, this is simple, read  Martin Niemöller's very famous and well-known "First They Came... " quotation, which I've re-edited into a Bangkok foreign correspondent version below... 


"First they came for the Red Shirts, and I did not speak out - Because I was not a Red Shirt.

Then they came for lese majeste victim's Somyot and Da Torpedo, and I did not speak out - Because I was not a lese majeste victim (and wanted to keep my media visa)

Then they came for a poor, "uneducated" Thai voter, and I did not speak out - Because I was not a poor, "uneducated" Thai voter (they make for very good maids though).

Then they came for me - and there was no-one left to speak for me."