ผมเพิ่งได้รับคำแถลงการณ์จากนายจักรภพ เพ็ญแข เลขานุการบริหารขององค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยกรณีที่เขาถูกคณะเผด็จการทหารตั้งข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการครองครอง “อาวุธสงคราม” และได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของเขาและแกนนำต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยคนอื่นๆ
ข้อกล่าวหาที่คณะรัฐประหารเถื่ อนไทยใช้กดดันผมในวันนี้ เผยให้เห็นความจนตรอกของเหล่ านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้อีกครั้ง การกล่าวอ้างอันเป็นเท็ จประเภทที่ว่าผมอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มติดอาวุธ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้ น แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่ างของความโข่เขลาของคณะเผด็ จการทหารลวงโลก
ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเชื่ อมโยงผมกับอาวุธที่คณะเผด็ จการทหารยึดมาได้ และผมขอท้าทายให้พวกเขาแสดงหลั กฐานเหล่านั้น แน่นอนว่า แม้แต่การยึดอาวุธเหล่านั้นก็มี กลิ่นของความน่าสงสัยโชยออกมา เพราะไม่มีการสอบสวนที่เป็นอิ สระเรื่องการยึดอาวุธ ไม่มีการเก็บลำดับขั้นตอนหลั กฐาน และข้อกล่าวหาที่คณะเผด็ จการทหารหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มี ความน่าเชื่อถือ และสามารถถูกหลักล้างได้อย่างง่ ายดายหากถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
กรณีที่คณะเผด็จการทหารพยายามจะ “ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” ผมในข้อหาดังกล่าว พวกเขาเองควรจะต้องรับรู้ว่าไม่ มีรัฐบาลไหนในโลกใบนี้ที่จะเชื่ อฟังยอมจำนนต่อคำข่มขู่ ของพวกเขา เพราะผมจะได้รับสิทธิในการเข้ าถึงหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขาสร้ างขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ในการท้าทายหลั กฐานเหล่านั้น
และนี้คือเหตุผลที่กลไกล “ตุลาการ” เดียวที่พวกเขานำมาใช้คือการเร่ งรัดดำเนินคดีด้วยข้อหาเท็ จโดยการใช้ “ศาล” ทหารของพวกเขา ที่ซึ่งกระบวนการอันควรแห่ งกฎหมายและหลักนิติธรรมได้ถู กทำลายลงไปนานแล้วเพื่อรองรั บระบอบการปกครองเผด็จการ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าคดี ความทั้งหมดที่นำขึ้นสู่ “ศาล” ทหารเกิดขึ้นในบริบทของรู ปแบบระบบกฎหมายที่ไม่ต่ างไปจากละครเวทีอันน่าขัน โดยปราศจากสิทธิทางกฎหมาย
และเพื่อเป็นหลักฐาน ผมขอแถลงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้ องใดๆทั้งสิ้นในการต่อสู้แบบ “ติดอาวุธ” ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการต่ อสู้ทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมโดยมีฐานมั่นที ่เป็นจริงผ่านทางเจตนารมณ์ ทางประชาธิปไตยของประชาชนไทย กลุ่มนายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้ทราบอย่างดีว่ าหากปล่อยให้ ประชาชนไทยแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ ประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของพวกเขาจะสิ้นสุดลง และนำไปสู่การฟื้นฟูระบอบที่ ชอบด้วยกฎหมายและหลักการรับผิ ดของเจ้าหน้าที่รัฐ ในเวลานี้ กองทัพและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้คือคนกลุ่มเดี ยวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่ อต้านเจตจำนงค์ของประชาชนไทยด้ วยการใช้ “อาวุธ” โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่เชื่อมั่นในประชาธิ ปไตยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะเรามั่นใจอย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนไทยได้รับสิทธิ์ ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลั บคืนมา คณะเผด็จการทหารจะกลายเป็นเพี ยงแค่ความผิดเพี้ยนทางประวัติ ศาสตร์เท่านั้น
ผมขอกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องที่ คณะเผด็จการทหารเพิกถอนหนังสื อเดินทางของผมว่า นี่มิใช่เป็นเพียงการกระทำกดขี่ อันวิตถารเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนคนไทยที่ต่ อต้านการปกครองระบอบทหารกลายเป็ นผู้ลี้ภัยทางการเมือง การเพิกถอนดังกล่าวจะประจานให้ ประชาคมโลกเห็นว่า คณะเผด็จการทหารไทยไม่ต่ างไปจากกลุ่มทรราชผู้เกรี้ ยวกราดที่ทำประพฤติ ตนนอกมาตรฐานกฎหมายระหว่ างประเทศ
เพียงแค่สองวันที่แล้ว คณะเผด็จการทหารบอกว่าไม่ สนใจองค์กรเราโดยบอกว่า “ไม่มีความสำคัญ” แต่ในตอนนี้ เรากลับถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้ องหลังกลุ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่ งไม่มีอยู่จริง ซ้ำยังพยายามลิดรอนสิทธิ ในการเดินทางของเราโดยเพิ กถอนหนังสือเดินทาง การกระทำของคณะเผด็จการทหารเหล่ านี้เผยให้เห็นเพียงสิ่งเดี ยวเท่านั้น - ความรู้สึกไม่มั่นใจของพวกเขาที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
เราขอให้ผู้สนับสนุนองค์กรเรายื นยัดยึดมั่นและไม่ต้องรู้สึกกั งวลหรือถอดใจกับกลเกมและคำข่มขู่ของคณะเผด็จการทหาร การกระทำเดียวที่คณะเผด็จการมี คือ พยายามจะบดขยี้ความหวั งและความปรารถนาของประชาชนไทยทั่วไป แต่กระนั้น การกดขี่ครั้งแล้วครั้งเล่ าของคณะเผด็จการทหาร คือการตอกตะปูปิ ดฝาโลงของพวกเขาไปเรื่อยๆ และได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กั บความแน่วแน่ของท่ านในความพยายามทวงคืนอำนาจอธิ ปไตยให้แก่ปวงชนไทย
No comments:
Post a Comment
Abusive comments won't be published.
Note: only a member of this blog may post a comment.