"Greeting to all freedom-loving Thai friends,The very best weapons of ordinary, unarmed Thai people during the junta’s repression, is your sincerity and your love for justice and human dignity of all Thais.Since the very first days of the military coup, the junta has attempted to fabricate many stories in order to destroy the faith in freedom and democracy of our Thai friends who’ve stood up against the repression. Most recently, the junta has pressed false “war weapon” charges against one of the founding members of our Free Thai organisation, Jakrapob Penkair. They have done so without any evidence.This dirty tactic is no different from the one that the junta used against the students in the past. On October 6, 1976 at Thammasat University, they used fabricated war weapons “seizures” as their justification for massacring peaceful protesters. The passage of time revealed the truth and proved that these stories were fabricated deceits created to crush the people who were opposed to the military junta.At the moment the dignity of the country and of Thai people has fallen to an unprecedented low level. This dignity has been stolen by the junta, who are attempting to shut our eyes and ears to the truth and prevent us from being aware of our collective struggle against them. In addition the junta regime is desperate to prevent Thai people from knowing of the pressure the international community is placing upon them. The junta has shut-down TV stations and community radio stations and is attempting to control the remaining news content by stationing its soldiers at media broadcasters and outlets to ensure that only pro-junta news is produced. It has summoned and intimidated journalists, academics and even ordinary Thai citizens who use social media, in order to curtail freedoms of the press and to control dissemination of information.Thais who love and want to protect freedom - and who do so without resorting to force of arms - are committed to telling the truth no matter what the profession, age, or gender of the persons involved. People should expose and utterly reject the junta’s prison of deceit, a creation designed only to subjugate the people.We ask our supporters and any other persons drawn to the democratic ideals of the Free Thais’ movement to distribute information from our social media networks to their neighbours, friends, family members, brothers and sisters and even international organisations. We must make the truth echo loudly, so that those with a free conscience are reminded that the junta can’t just buy our friendship and love for the truth so cheaply, and thereby use such tactics to further persecute us.My beloved Thai friends, we will continue working together to create a framework of ideas that can help take the country forwards towards democracy. Every Sunday, for the sake of freedom and humanity for all Thai people, we will distribute a Free Thais newsletter in order to tell the truth and fight against the deceit of the junta. And when the time comes, we will walk together, standing-tall with straight backs, filled with pride and belief in the equality of all humans, once again.With faith in the power of democracy and of the people,Charupong RuangsuwanSecretary-General of Free Thai organisation.FreeThaiThe Organisation of FreeThais forHuman Rights and Democracy"
Musings on Thai politics by Andrew Spooner. Twitter: @andrewspoooner Email: asiaprovocateur@gmail.com
Monday, 30 June 2014
Free-Thai Leader Charupong Issues Open Letter - Calls Jakrapob's Weapons' Charge a "Fabrication"
We have received this open letter from the Secretary General of the anti-coup Free Thai movement, Charupong Ruangsuwan. His letter reflects on the repressive tactics of the Thai military regime and lambasts the "war weapons" accusations placed against the Free Thai movement's Executive Secretary, Jakrapob Penkair, by the junta's agents.
Sunday, 29 June 2014
แกนนำองค์กรเสรีไทย นายจารุพงศ์ออกจดหมายเปิดผนึก - ระบุข้อหาเกี่ยวกับอาวุธสงครามต่อนายจักรภพเป็น "เรื่องเท็จ"
เราได้รับจดหมายเปิดผนึ
สวัสดี เพื่อนชาวไทยผู้มีเสรีภาพและความเป็นไทในจิตวิญญาณทุ กท่าน อาวุธที่ดีที่สุดของประชาชนมือเปล่าในห้วงเวลาของการกดขี่ โดยคณะเผด็จการทหารยามนี้ คือ “ ความจริงใจ ความรัก ในความยุติ ธรรม รักศักดิ์ศรีความเป็นคน ขอ งคนไทยทุกคน” นับแต่เกิดการรัฐประหาร คณะเผด็จการทหารพยายามสร้างเรื่องเท็ จหลอกลวงจำนวนนับไม่ถ้วน เพื่ อทำลายความเชื่อมั่นในเสรี ภาพและประชาธิปไตยของเพื่ อนชาวไทยที่ลุกขึ้นมาต่อสู้นั บแต่วันแรก และล่าสุดนายจักรภพ เพ็ญแข สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ งองค์การเสรีไทย ได้ โดนศาลทหารออกหมายจับด้วยการยั ดเยียดข้อหามีอาวุธสงคราม ทั้ งที่ไม่มีหลักฐานประกอบใดๆ วิธี การสกปรกนี้ ไม่ต่างจากที่เผด็ จการทหารเคยใช้กับนักศึกษาในอดี ต ที่ใส่ร้าย กุข่าว เรื่องจั บอาวุธสงครามได้ในมหาวิทยาลั ยธรรมศาสตร์หลังวันฆ่านกพิราบ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเวลาได้พิสู จน์ความจริงแล้วว่า เรื่องเหล่ านั้น ล้วนเป็นการปั้นข่าวลวง เ พื่อทำลายประชาชนผู้เป็นศัตรู โดยตรงกับเผด็จการทหารทั้งสิ้น ณ ตอนนี้ ศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยตกต่ำถึงขีดสุด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพรา ะถูกปล้นโดยคสช. เผด็ จการทหารพยายามปิดหู ปิดตาเรา ไ ม่ให้เรารับรู้เรื่ องราวของการต่อสู้ และไม่ให้ เรารับรู้แรงกดดันจากนานาประเทศ ที่มีต่อประเทศไทย ปิดสถานี โทรทัศน์ วิทยุชุมชน ควบคุมเนื้ อหาข่าวสาร ส่งทหารไปประจำสถานี โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ เพื่ อให้สื่อออกข่าวตามใจคณะเผด็ จการทหาร เรียกตัวสื่อมวลชน นั กข่าว นักวิชาการ แม้กระทั่ งประชาชนอิสระที่นำเสนอข่ าวของตนเองผ่านทางโซเชียลมีเดีย จนการนำเสนอข่าวถูกจำกัดไร้ เสรีภาพใดๆ สิ่งที่เราชาวไทยผู้รักและต้องการปกป้องเสรีภาพจะทำได้ด้ วยมือเปล่า คือการบอกเล่ าความจริงที่เกิดขึ้น ระหว่ างประชาชนสู่ประชาชนด้วยกัน ไม่ ว่าจะอยู่ในที่ใด เมื่อไร อาชีพ อายุ เพศ ไม่เป็นสิ่งขวางกั้ นความจริง ให้ประชาชนได้ก้าวข้ ามกรงขังแห่งความหลอกลวงที่เผด็ จการทหารสร้างขึ้นมาครอบงำ ผู้ร่วมอุดมการณ์เสรีไทยทุกแห่งหน สามารถเป็นตัวกลางระหว่างผู้ได้รับข่าวสารจากโซเชียลมีเดียสู่เพื่อนบ้าน ครอบครัว พี่น้อง มิตรสหาย องค์กรในต่างประเทศ ที่อาจเข้าไม่ถึง พูดความจริงให้มีเสียงดังซ้อนซ้ำย้ำเตือนในจิตสำนึกแห่งเสรี ที่ไม่ยอมให้เผด็จการทหารใช้เศษเงินมาแลกเอามิตรภาพและความรักในความจริงเพื่อตั้งข้อหาข่มขู่คุกคามเพื่อนชาวไทยที่รัก เราจะร่วมทำงานทางความคิดต่อเนื่องกั นไป จะส่งต่อจดหมายข่าวเสรี ไทยเพื่อแจ้งความจริงของการต่ อสู้กับความเท็จของเผด็จการทหาร เพื่อเสรีภาพและมนุ ษยชนของชาวไทยเป็นประจำทุกอาทิ ตย์ และเมื่อถึงเวลา เราจะได้ร่ วมเดินพร้อมกัน เหยียดหลั งตรงเปี่ยมทรนงในศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกั นอีกครั้ง ด้วยความเชื่อมั่นต่อพลังประชาธิปไตยของประชาชน จารุพงศ์ เรืองสุวรรณเลขาธิการองค์กรเสรีไทยFreeThaiThe Organisation of FreeThais forHuman Rights and Democracy
Saturday, 28 June 2014
คำแถลงการณ์ของนายจักรภพกรณีข้อกล่าวหาของคณะเผด็จการทหาร “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แบบติด “อาวุธ” ใดๆทั้งสิ้น”
ผมเพิ่งได้รับคำแถลงการณ์จากนายจักรภพ เพ็ญแข เลขานุการบริหารขององค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยกรณีที่เขาถูกคณะเผด็จการทหารตั้งข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการครองครอง “อาวุธสงคราม” และได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของเขาและแกนนำต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยคนอื่นๆ
ข้อกล่าวหาที่คณะรัฐประหารเถื่ อนไทยใช้กดดันผมในวันนี้ เผยให้เห็นความจนตรอกของเหล่ านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้อีกครั้ง การกล่าวอ้างอันเป็นเท็ จประเภทที่ว่าผมอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มติดอาวุธ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้ น แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่ างของความโข่เขลาของคณะเผด็ จการทหารลวงโลก
ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเชื่ อมโยงผมกับอาวุธที่คณะเผด็ จการทหารยึดมาได้ และผมขอท้าทายให้พวกเขาแสดงหลั กฐานเหล่านั้น แน่นอนว่า แม้แต่การยึดอาวุธเหล่านั้นก็มี กลิ่นของความน่าสงสัยโชยออกมา เพราะไม่มีการสอบสวนที่เป็นอิ สระเรื่องการยึดอาวุธ ไม่มีการเก็บลำดับขั้นตอนหลั กฐาน และข้อกล่าวหาที่คณะเผด็ จการทหารหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มี ความน่าเชื่อถือ และสามารถถูกหลักล้างได้อย่างง่ ายดายหากถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
กรณีที่คณะเผด็จการทหารพยายามจะ “ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” ผมในข้อหาดังกล่าว พวกเขาเองควรจะต้องรับรู้ว่าไม่ มีรัฐบาลไหนในโลกใบนี้ที่จะเชื่ อฟังยอมจำนนต่อคำข่มขู่ ของพวกเขา เพราะผมจะได้รับสิทธิในการเข้ าถึงหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขาสร้ างขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ในการท้าทายหลั กฐานเหล่านั้น
และนี้คือเหตุผลที่กลไกล “ตุลาการ” เดียวที่พวกเขานำมาใช้คือการเร่ งรัดดำเนินคดีด้วยข้อหาเท็ จโดยการใช้ “ศาล” ทหารของพวกเขา ที่ซึ่งกระบวนการอันควรแห่ งกฎหมายและหลักนิติธรรมได้ถู กทำลายลงไปนานแล้วเพื่อรองรั บระบอบการปกครองเผด็จการ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าคดี ความทั้งหมดที่นำขึ้นสู่ “ศาล” ทหารเกิดขึ้นในบริบทของรู ปแบบระบบกฎหมายที่ไม่ต่ างไปจากละครเวทีอันน่าขัน โดยปราศจากสิทธิทางกฎหมาย
และเพื่อเป็นหลักฐาน ผมขอแถลงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้ องใดๆทั้งสิ้นในการต่อสู้แบบ “ติดอาวุธ” ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการต่ อสู้ทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมโดยมีฐานมั่นที ่เป็นจริงผ่านทางเจตนารมณ์ ทางประชาธิปไตยของประชาชนไทย กลุ่มนายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้ทราบอย่างดีว่ าหากปล่อยให้ ประชาชนไทยแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ ประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของพวกเขาจะสิ้นสุดลง และนำไปสู่การฟื้นฟูระบอบที่ ชอบด้วยกฎหมายและหลักการรับผิ ดของเจ้าหน้าที่รัฐ ในเวลานี้ กองทัพและกลุ่มอำมาตย์ที่ พวกเขาทำงานรับใช้คือคนกลุ่มเดี ยวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่ อต้านเจตจำนงค์ของประชาชนไทยด้ วยการใช้ “อาวุธ” โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่เชื่อมั่นในประชาธิ ปไตยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะเรามั่นใจอย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนไทยได้รับสิทธิ์ ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลั บคืนมา คณะเผด็จการทหารจะกลายเป็นเพี ยงแค่ความผิดเพี้ยนทางประวัติ ศาสตร์เท่านั้น
ผมขอกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องที่ คณะเผด็จการทหารเพิกถอนหนังสื อเดินทางของผมว่า นี่มิใช่เป็นเพียงการกระทำกดขี่ อันวิตถารเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนคนไทยที่ต่ อต้านการปกครองระบอบทหารกลายเป็ นผู้ลี้ภัยทางการเมือง การเพิกถอนดังกล่าวจะประจานให้ ประชาคมโลกเห็นว่า คณะเผด็จการทหารไทยไม่ต่ างไปจากกลุ่มทรราชผู้เกรี้ ยวกราดที่ทำประพฤติ ตนนอกมาตรฐานกฎหมายระหว่ างประเทศ
เพียงแค่สองวันที่แล้ว คณะเผด็จการทหารบอกว่าไม่ สนใจองค์กรเราโดยบอกว่า “ไม่มีความสำคัญ” แต่ในตอนนี้ เรากลับถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้ องหลังกลุ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่ งไม่มีอยู่จริง ซ้ำยังพยายามลิดรอนสิทธิ ในการเดินทางของเราโดยเพิ กถอนหนังสือเดินทาง การกระทำของคณะเผด็จการทหารเหล่ านี้เผยให้เห็นเพียงสิ่งเดี ยวเท่านั้น - ความรู้สึกไม่มั่นใจของพวกเขาที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
เราขอให้ผู้สนับสนุนองค์กรเรายื นยัดยึดมั่นและไม่ต้องรู้สึกกั งวลหรือถอดใจกับกลเกมและคำข่มขู่ของคณะเผด็จการทหาร การกระทำเดียวที่คณะเผด็จการมี คือ พยายามจะบดขยี้ความหวั งและความปรารถนาของประชาชนไทยทั่วไป แต่กระนั้น การกดขี่ครั้งแล้วครั้งเล่ าของคณะเผด็จการทหาร คือการตอกตะปูปิ ดฝาโลงของพวกเขาไปเรื่อยๆ และได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กั บความแน่วแน่ของท่ านในความพยายามทวงคืนอำนาจอธิ ปไตยให้แก่ปวงชนไทย
Jakrapob Penkair Statement on Junta's Claims - "I have no involvement in any kind of “armed” struggle".
I've just received the following statement from Jakrapob Penkair, the Executive Secretary of Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD) regarding Thailand's military regime charging him with being involved with the possession of "war weapons" and also revoking his and other pro-democracy leaders' passports. A Thai version of this statement will appear shortly.
"The charges levelled against me today by Thailand’s illegitimate coup regime reveal, once again, the desperation of the Generals and the Establishment they represent. The false claim that I am behind some kind of “armed element” is not only a fiction but yet another example of the injudiciousness of the fraudulent Thai junta.
Let me be clear - there is simply no evidence whatsoever to connect me to the junta’s seizure of arms and I would challenge them to produce such evidence. Of course, even the seizure of said arms has more than a whiff of suspicion about them. There has been no independent investigation regarding these arms’ seizures, no chain of evidence has been preserved and the kind of claims the junta are putting forward are so flimsy they would be washed away very quickly when subject to proper cross-examination.
As for any attempt to “extradite” me on such charges, the junta must know that no government on earth would succumb to their threats and that I would be given full access to any evidence they have concocted and also the platform to challenge such evidence.
For the record, I must state that I have no involvement in any kind of “armed” struggle. I believe fully in a political, social and cultural struggle secured in reality by the democratic will of the Thai people. The Generals and their Establishment masters know very well that if the democratic will of the Thai people is expressed, power will be removed from them and returned to more accountable and legal forms.
It's only two days ago our organisation was being dismissed as “irrelevant” by the junta. Now we face allegations of being behind a regime-concocted "armed struggle" along with attempts to curtail our rights to travel via the revocations of passports. These actions by the junta reveal only one thing - their increasingly obvious insecurity - something which will only grow in the days and weeks to come.
That’s why the only “judicial” vehicle they could use to expedite their false charges would be through their own military-run “courts” where due process and the rule of law have long been abolished in favour of despotism. It must be said that any and all cases coming before the military “courts” exist in the context of a form of jurisprudence that is little more than a theatre of the absurd, such is the lack of any form of legal rights.
At the moment the military and the forces they represent are the only agents engaged in any kind of illegitimate “armed” struggle against the will of the Thai people. Those who believe in democracy have no need to use force of arms as we are fully confident that the moment the franchise is returned to Thais the junta will be little more than an historical aberration.
I should add that the revocation of passports by the junta is not only another grotesque repressive act it also turns any Thai citizen who stands against the military regime into political refugees. Such revocations will further expose to the global community that the junta are little more than petulant tyrants operating far beyond the norms of international law.
We ask our supporters to remain steadfast and not be distressed or disheartened by the junta’s threats and games. The only action the junta have available to themselves is to attempt to crush the hopes and aspirations of ordinary Thais. Yet, with each turn of the repressive screw, the junta just further seal their own fate and will strengthen your resolve to return sovereignty to the Thai people."
Friday, 27 June 2014
แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ต่อการคุกคามพลเมืองอังกฤษโดยผู้นำทหารไทย
โฆษกกระทรวงต่างประเทศได้ส่งข้อความมาให้ Asia Provocateur ข้อความดังกล่าวมีดังนี้
เรามีความตระหนักในกรณีนี้และขอทำความเข้าใจกับตำรวจที่ดำเนินการกับบุคคลนี้
สหราชอาณาจักรมีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเสรีภาพในการพูดและสิทธิของบุคคลที่จะแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องมีการคุกคามของการข่มขู่หรือการล่วงละเมิด
ทุกคนในสหราชอาณาจักรที่รู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกคุกคามในทางใดควรแจ้งตำรวจ
เราได้ทำให้ชัดเจนไปยังกระทรวงการต่างประเทศในกรุงเทพฯและสถานทูตไทยในกรุงลอนดอนว่า เราจะไม่ทนต่อความพยายามที่จะบังคับใช้ในนามของกองทัพไทยในสหราชอาณาจักรที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เสรีภาพในการแสดงออก
Thursday, 26 June 2014
BREAKING: Official Statement From UK Foreign Office on Harassment of UK Citizens by Thai Military Junta
Earlier today I blogged about unofficial comments made by the British Embassy in Bangkok regarding their stance on the ongoing targeting and harassment of UK citizens by the Thai military junta, their supporters and agents.
These comments have now been CONFIRMED as being accurate by the British government's Foreign and Commonwealth Office (FCO). The UK has now made it officially clear to the Thai military that they will not tolerate any further targeting of British nationals or others on British soil.
This is possibly the strongest statement yet released by any government regarding the junta's attempts to internationalise their campaign of repression.
Ambassador Mark Kent and the FCO deserve all our support for taking such a principled stance.
The following statement was sent to me by a Foreign Office spokesperson
These comments have now been CONFIRMED as being accurate by the British government's Foreign and Commonwealth Office (FCO). The UK has now made it officially clear to the Thai military that they will not tolerate any further targeting of British nationals or others on British soil.
This is possibly the strongest statement yet released by any government regarding the junta's attempts to internationalise their campaign of repression.
Ambassador Mark Kent and the FCO deserve all our support for taking such a principled stance.
The following statement was sent to me by a Foreign Office spokesperson
We are aware of this case and understand the police are in touch with the individual.
The UK is committed to the freedom of speech and defends the right of individuals to express their views without the threat of intimidation or harassment.
Anyone in the UK who feels they are being threatened in any way should report it to the police.
We have made clear to the Ministry of Foreign Affairs in Bangkok and the Thai Embassy in London that we will not tolerate attempts to enforce Thai military decrees in the UK that are aimed at preventing freedom of expression.
EXCLUSIVE: British Embassy Rebukes Thai Military Junta for Harassing UK Citizens
I've just received a copy of comments made by the British Embassy in Thailand regarding the Thai military junta's harassment of British nationals in the UK. These comments were made in writing to a third-party whom wishes to remain anonymous at this point.
As for the background to the UK Embassy's comments, it is now on the record that the Thai military junta has made a point of singling out a British citizen of Thai heritage critical of the Thai monarchy, Chatwadee Amornpat - aka "London Rose" - for "special attention" and has made numerous completely baseless and false claims that they are "extraditing" Rose from the UK to Thailand.
There are also a number of videos posted online which appear to target Rose in a harassment campaign. After posting one such video, the person involved later posted an image of themselves holding £5000 in cash, which led to some speculation that the source of such funds may have been the Thai military junta seeking to extend an harassment campaign into order to shutdown dissent in the wider Thai diaspora.
Either way, the UK Embassy in Bangkok seem to have made their position very clear - they will not tolerate the Thai military junta seeking to extend their repression onto British territory. The Embassy said that -
As for the background to the UK Embassy's comments, it is now on the record that the Thai military junta has made a point of singling out a British citizen of Thai heritage critical of the Thai monarchy, Chatwadee Amornpat - aka "London Rose" - for "special attention" and has made numerous completely baseless and false claims that they are "extraditing" Rose from the UK to Thailand.
There are also a number of videos posted online which appear to target Rose in a harassment campaign. After posting one such video, the person involved later posted an image of themselves holding £5000 in cash, which led to some speculation that the source of such funds may have been the Thai military junta seeking to extend an harassment campaign into order to shutdown dissent in the wider Thai diaspora.
Either way, the UK Embassy in Bangkok seem to have made their position very clear - they will not tolerate the Thai military junta seeking to extend their repression onto British territory. The Embassy said that -
The UK is committed to freedom of speech and defends the right of individuals to express their views without the threat of intimidation or harassment. We have discussed with the Ministry of Foreign Affairs in Bangkok and the Thai Embassy in London. We have made clear that we will not tolerate attempts to enforce Thai military decrees in the UK that are aimed at preventing freedom of expression.
Tuesday, 24 June 2014
More Anti-Coup "Free Thai" Board Members Announced
I have received a list of the founding members of Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)
Some of the FT-HD Board of Directors
Secretary-General
H.E. Mr. Charupong Ruengsuwan
Former Pheu Thai Party President / Minister of Interior
Executive Secretary / Spokesperson
H.E. Mr. Jakrapob Penkair
Former Minister of Prime Minister’s Office / Former Member of Parliament / Founder of the United Front of Democracy Against Dictatorship (UDD)
Director
Dr. Sunai Julapongsathorn
Chairman of the House Committee on Foreign Relations / Former Member of Parliament
Director
Associate Professor Jaran Ditta-apichai
Former Human Rights Commissioner / Founder of the United Front of Democracy Against
Dictatorship (UDD)
Director
Mr. Arkhom Sydney
A Thai Democracy Campaigner in Australia
Advisor
Mr. Robert Amsterdam
An International Human Rights Lawyer
Roasting People Alive: The Thai Army's Red Drum Massacres of the 1970s
Bangkok Post special publication magazine ”Oct 14, 1973 - People's Progress, 30 years on” dated 14 October 2003
The Red Drum massacres of 30 years ago
The Red Drum massacres of 30 years ago represent excesses in counter insurgency that no one wants to revisit. But memories die hard and a healthy way of living with the horrors is to admit them.About 3,008 people - accused of being communist suspects - are believed to have died after being pushed down 200-litre red drums alive or semiconcious and incinerated. The atrocities began in military camps in a small village in Phattalung about two years before the events of October 13, 1973, and continued through 1975, according to a former special branch police officer.
To put to rest the souls of the villagers, thousands of people from the southern provinces of Phattalung, Surat Thani, Songkhla, Trang and Nakhon Si Thammarat converged for religious rites at a rubber plantation in Ban Kho Lung, in Phattalung's Si Nakarin sub-district on April 10 this year.The plantation housed two companies of soldiers, one from the Senanarong barracks in Songkhla, and another from the Ingkayuth Boriharn barracks in Pattani.“It was the policy of the Thanom Kittikachorn government to decisively flush out communist insurgents,”said the former special branch police officer.But the government never specified what “decisively” meant. While the soldiers at Ban Kho Lung resorted to pushing suspects down red drums before burning them, forces in Nakhon Si Thammarat killed entire households and left the bodies right there, he added.“As subordinates, the officials merely followed orders. Mistakes were inevitable.”Police also played their part in the drastic suppression, killing suspects based on lists sent from intelligence units, he confirmed. They sent on some of the suspects to the military camps at Ban Kho Lung. But the officer emphasized he never witnessed any of the red drum executions.The suppression waged by the police and the military drove thousands of villagers into the arms of the outlawed Communist Party of Thailand.Fon Silamul, now a provincial councilor, was one of them, his operational patch the Phu Banthad mountain range. He remembers how fear convinced him to join the party after soldiers and police visited the homes of his relatives and took the men for questioning at Ban Kho Lung camp.When relatives went to visit the men at the camp two days later, they were told that some had been released but others were now dead. Not one ever returned home.Mr. Fon said he could not remember a single man - “old or young” - remaining at home in the villages of Ban Na, Lamsin, Khao Khram, Ban Tone, Ban Loh Kwai, Ban Lam Nai, Ban Na Wong, Ban Rai Nua and Ban Kongla after news began to spread of the people accused of helping the CPT being burnt alive.“What can villagers like us do when we are sandwiched between the government officials and the CPT? If we refused to cooperate with either side we would be in great danger.Taking sides with the CPT seemed to be the best way to survive in the circumstances when the police and security officers could not provide us with protection and everyhting was a real mess.”Mr Fon remembers the hooligans and thieves from other areas who came to steal cattle most nights until there was not a single animal left in his village. The police feared for their own safety because they were outnumbered by these gangs. They refused to respond to calls to root out the thieves.When people could not rely on government officials, they turned to members of the CPT united front who had settled in the area about “nine years earlier” (or in the early 1960s). These men and women promised to save them from military atrocities and maintain law and order.Things were made worse for many villages as the lists of CPT members and hooligans prepared by the village headmen often contained the names of those with whom the headmen was in conflict. These were arrested but none were executed before 1970. Most underwnet “re-education”.The mass killings reportedly began in 1970, when rangers with the Special Task Forces in Lop Buri and troops from Ingkayuth Borihan barracks were sent to crush communist insurgents.When Mr. Fon and other villagers living near the Ban Ko Lung camp were asked how they knew those arrested later became victims of the flaming red drums, they said they could hear the roar of military trucks - used to drown out the screams of those being burnt alive - throughout the evenings after communist suspects were taken to the camp. The villagers would smell human flesh burning and see the fumes rise into the night sky.“At the same time, some arrested villagers from Surat Thani were thrown from helicopters over the Phu Banthad mountain range,” Mr Fon alleges.Asked if they had proof of the mass killing, Mr. Fon and other villagers said they found human skulls and bones scattered along Klong Muay, adjacent to Ban Kho Lung camp, after it was closed in late 1975.“Many children used the skulls to play footbll and we were told that ash and other remains were dumped in Lamphan, a part of Thalae Luang in Phattalung.”The people of Phattalung did not know much about the Red Drum atrocities. All they knew was that soldiers were killing communists because they were at war with government troops.He said that the figure of 3,008 people killed in Red Drum cases was compiled by a committee attached to the pro-democracy Student Federation of Thailand in 1975 who were sent to visit the area to collect information on the victims. There are no known copies of this report available now.The villagers said they bore no grudges against those who brought so much terror into their lives. They had no desire to take revenge against police and the military.“Let bygones be bygones, and let us patch up our differences of ideology,” Mr Fon said. “I fully understand that the troops involved in the Red Drum case had to follow orders and the villagers thought they were fighting for their survival and for a better life. No-one was really at fault as it was very common to see losses on both sides when each side claimed to fight for a better ruling system.”For the former special branch police officer, the events of 30 years ago may be seen as a case of over-reaction by the state. But for state officials then, danger lurked in every corner, especially in Kong La district, which they could not penetrate, not even when the deaths started mounting.The Red Drum massacres ended in 1975, two years after the fall of the Thanom regime, and when Thailand established diplomatic relations with China, the officer said.Though memories of he events of Ban Kho Lung are fading, most villagers who survived the horrors still refuse to talk about it.Their only desire, they say, is to make merit in honour of those who perished in the red drums because “when those people were killed, they had no chance to see he monks for their last blessing”.“We want the Red Drum case to be a lesson and not forgotten by our next generation that their ancestors sacrificed their lives for today's democracy.” one said.A group of villagers has already bought a piece of land for 450,000 baht to build an information centre and monument to those killed, a plan that apparently has run into opposition from state authorities, the former special branch officer among them.But how else to repose the ghosts of the Red Drums?
Monday, 23 June 2014
จักรภพ เพ็ญแข: ตอบคำถามเรื่ององค์กรต่อต้านเผด็จการ
ไทม์ไลน์: ขอให้ขยายความบทบาทของ รัฐมนตรีจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กับ รัฐมนตรีจักรภพ เพ็ญแข ในองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุ ษยชนและประชาธิปไตยที่เพิ่งตั้ งขึ้นในวันปฏิวัติสยาม ๒๔ มิถุนา?
จักรภพ: เล่าโดยรวบรัดได้ว่า ตัวผมเองตั้งใจอยู่ นอกประเทศไทยมากว่าห้าปี จุดประสงค์เพื่อรอตั้งขบวนการต่ อสู้เต็มรูปแบบอย่างนี้แหละ เท่าที่ผ่านมา เราหวังตื้นๆ ที่ชนะการเลือกตั้ง หรือเอาใจคนบางคนในเมืองไทย เพื่อให้เขาพอใจสบายใจ เขาจะได้อนุญาตให้เราอยู่ ในอำนาจบริหารได้นานหน่อยแม้ กระทั่งถึงเวลาชุมนุมประท้วงกั นแล้ว เราก็ยังจัดแบบไม่คิดลุย หวังแค่เอามวลชนมากๆ มาโชว์เพื่อให้เขาคิดเปลี่ ยนใจเอง แนวคิดอย่างนี้ไม่มีทางเปลี่ ยนโครงสร้างอำนาจในรัฐไทยได้ แต่คราวนี้เขาใกล้จะหมดสิ้นแล้ว จนต้องใช้วิธีการสามานย์ทุกอย่ างเพื่อประคองสังขารแห่งอำนาจ ทำให้คนไทยทั่วเมืองได้เห็นเต็ มตาว่า บ้านเมืองของเราไม่เคยมีประชาธิ ปไตยอันแท้จริงเลย คราวนี้เองที่การต่อสู้ช่วงชิ งรัฐที่แท้จริงอาจจะเกิดขึ้น ส่วนกับท่านรัฐมนตรีจารุพงศ์นั้ น ผมกับท่านคุยกันลึกซึ้งกั นมานานหลายปีดีดักแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเท่ านั้นเอง มีคนไม่กี่คนที่รู้ว่า คุณพ่อท่านคือท่านอดีตประธานรั ฐสภา คุณจารุบุตร เรืองสุวรรณนั้น ท่านเป็นเลขานุการส่วนตัวที่ ใกล้ชิดที่สุดของ นายปรีดี พนมยงค์ สมองในการเปลี่ ยนแปลงการปกครองสยามเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ แถมเป็นผู้แทนราษฎรจังหวั ดขอนแก่นในห้วงเวลายาวนานถึง ๓๐ ปีอีกด้วย เมื่อผมรู้ว่าท่านรัฐมนตรีจารุ พงศ์เดินทางออกนอกราชอาณาจักร แปลว่าท่านไม่ยอมรั บอำนาจของคณะรัฐประหารเลยนั้น ผมก็นึกในใจทันทีว่า ไม่เสียหลายที่ผมและท่านได้จู นคลื่นสมอง จิตใจ และหัวใจกันมาตลอด คนที่คิดถึงขั้นโครงสร้ างอำนาจรัฐมักจะได้่ข้อสรุปที่ คล้ายกันเสมอ
ไทม์ไลน์: แล้วแบ่งบทบาทกันอย่างไร?
จักรภพ: รัฐมนตรีจารุพงศ์รับหน้าที่ เลขาธิการองค์กรฯ ส่วนผมเป็นเลขานุการบริ หารและโฆษกฯ ทำหน้าที่คล้ายๆ ปลัดกระทรวงขององค์กร
ไทม์ไลน์: มีกันทั้งหมดกี่คน?
จักรภพ: คณะกรรมการกลางมีราว ๑๐ คน ผู้ร่วมอุดมการณ์ที่มีชื่อเสี ยงและมีประวัติอันเรื องรองในการต่อสู้ทางการเมืองมี อีกไม่ต่ำกว่า ๒๐ คน นักวิชาการระดับโลกทั้ งชาวไทยและชาวต่างประเทศก็อี กหลายท่าน แต่เราสงวนนามท่านเหล่านี้ไว้ ทำงานสำคัญต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ เรื่องนี้ต้ องกราบขอประทานโทษมวลชนประชาธิ ปไตยที่เราเปิดเผยหมดไม่ได้ ศัตรูของเราคราวนี้ทำตัวเป็นสุ นัขบ้าที่ถึงขั้นน้ำลายฟู มปากแล้ว เราคงไม่เปิดโอกาสให้มันงั บพวกเราง่ายๆ
ไทม์ไลน์: “นิติราษฎร์” อยู่ด้วยไหม เห็นอาจารย์วรเจตน์ฯ กลับมามอบตัวแล้ว?
จักรภพ: ดร.วรเจตน์ฯ ท่านมีปัญหาสุขภาพอยู่บ้าง เราเห็นว่าดีแล้วที่ท่านรักษาตั วเองไว้สำหรับการณ์ข้างหน้า แต่สมาชิกหลายคนของกลุ่มนี้ก็ยั งอยู่ข้างนอก เราก็คุยกันเสมอ
ไทม์ไลน์: ดร.สมศักดิ์ เจียมฯ ล่ะ?
จักรภพ: คุยกันอยู่เช่นกัน
ไทม์ไลน์: ดร.ปวินฯ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ?
จักรภพ: ตอบรวมอย่างนี้เลยดีกว่า ใครที่เขาอยู่ข้างนอกแล้ว เพราะตั้งใจจะออกมาแล้ว ถือเป็นเครือญาติทางประชาธิ ปไตยกันทั้งนั้น เราอย่าเพิ่งลำดับญาติกั นในเวลานี้เลย เอาเป็นว่าองค์กรนี้ไม่ขี้ริ้ วขี้เหร่ก็แล้วกันครับ มีพลังและบารมีเพียงพอที่จะก้ าวเดินต่อไปแน่
ไทม์ไลน์: ต้องถามถึงคนสำคัญ อดีตนายกทักษิณมี บทบาทขนาดไหนในเรื่องนี้?
จักรภพ: ประเด็นนี้มีให้ตอบกันทุกเวที อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณฯ ท่านเหมือนตึกใบหยกที่กรุงเทพฯ นั่งรถผ่านไปตรงไหนก็มองเห็น บนทางด่วนมองลงมาก็แลเห็น เรื่องนี้ว่ากันไม่ได้เพราะท่ านคือผู้ที่ทำให้ประชาธิปไตยมี ความหมายที่จริงจังและมีชีวิตชี วาขึ้นมาจริงๆ จะให้คนลืมท่านง่ายๆ คงจะไม่ได้ แต่งานนี้ผมยืนยันได้ว่า อดีตนายกฯ ไม่ได้เข้ามาร่วมรู้เห็นหรือเกี ่ยวข้องใดๆ ด้วยเลย อารมณ์ที่พวกเราและชาวประชาธิ ปไตยมีอยู่ในขณะนี้ ไม่ต้องมีใครมาออกคำสั่งหรือชี้ นำอะไรทั้งนั้น พวกเราถูกอำมาตย์และทหารตบหน้ าจนล้ม แล้วเอาท็อปบู๊ตเหยียบหัวเพื่ อบอกว่า ประชาชนอย่างพวกมึงไม่ได้มี ความหมายอะไรใดๆ เลย ถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องมี ใครมากระตุ้นให้เราคิดสู้ รู้กันทั่วไปแล้วด้วยว่าสู้กั บใคร เราแยกออกว่าใครคือตัวมาเฟีย และใครเป็นแค่มือปืนชั้นเลวที่ เขาจ้างมาคุ้มครองเขา อีกข้อหนึ่งคือเรื่องเงินทองค่ าใช้จ่าย หลายคนนึกว่าไม่มีเศรษฐีมาคอยช่ วยแล้วคงจะเดินไม่เป็นแน่ ผมบอกได้ว่าเราจะเดินหน้ากั นแบบต้นทุนต่ำ หรือ low-cost ทำคล้ายสายการบินแบบประหยัดที่ ลดความสิ้นเปลืองทุกชนิดออกหมด เอาแต่เดินทางจากจุด ก. ไปจุด ข. เท่านั้น ในอนาคตเราอาจจะระดมทุนในระดั บโลกด้วย ให้มันรู้ไปว่าคนไทยส่วนใหญ่มุ่ งมั่นขนาดนี้แล้วเราจะอั บจนหนทาง
ไทม์ไลน์: เข้าใจว่าองค์กรนี้คงจะสร้ างเครือข่ายการสนับสนุนในระดั บสากลแน่ ถูกต้องไหม?
จักรภพ: ใช่ครับ ขณะนี้ประเทศหลักๆ ในโลกก็เข้าใจเราดีโดยที่ไม่ต้ องออกแรงอะไรมากอยู่แล้ว เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย แคนาดา เป็นต้น แม้แต่จีนที่ส่งเอกอัครราชทูตที ่พบคณะรัฐประหารจนพวกนี้นึกว่ าเขาหนุนตัวเองนั้น เขาก็พูดคุยอยู่กับเรา แต่เราก็จะเดินสายขอความสนับสนุ นต่อไปและมีมาตรการที่เราจะขอรั บความอนุเคราะห์อย่างเป็นรู ปธรรมหลายอย่าง แต่ในขั้นนี้ขอสงวนไว้ เพราะยังไม่สรุป
ไทม์ไลน์: แล้วคนไทยในต่างประเทศ?
จักรภพ: นั่นคือกำลังสำคัญของเราเลย เราจะพัฒนาระบบการทำงานที่จริ งจังและต่อเนื่องขึ้นมา เราไม่อยากให้ทำงานกั นไปทะเลาะแก่งแย่งอะไรกันไป ไม่สร้างสรรค์ เหนื่อยแรง ทำให้คิดท้อ เราจะขอให้แต่ละกลุ่มหลักๆ ทำงานอย่างเป็นรูปธรรมและต้องวั ดผลได้ด้วย เราไม่อยากได้ปริมาณ แต่อยากให้ยึดคุณภาพการทำงาน เห็นส่วนรวมสำคัญกว่าหน้ าตาบารมีส่วนบุคคล เป็นค่านิยมหลัก
ไทม์ไลน์: ได้ข่าวจากบุคคลวงในว่า คุณจักรภพเป็นผู้เขียนแถลงการณ์ ก่อตั้งองค์กร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อยากให้เล่าว่าเริ่มต้นจากอะไร? ต้องการสื่อสารอะไรบ้าง?
จักรภพ: คณะกรรมการกลางขององค์กรได้ มอบหมายให้ผมยกร่างแถลงการณ์เป็ นภาษาไทยขึ้นมาจริง แต่เรารวมสมองกันในการปรับแก้ อยู่หลายครั้ง ท่านเลขาธิการและกรรมการทุกท่ านมีส่วนร่วมกันทั้งนั้นและอย่ างสำคัญด้วย หลายคำหลายประโยคมาจากประสบการณ ์การต่อสู้อันยาวนานของผู้ที่ร่ วมประชุมด้วยกัน คำบางคำ เช่น ประชาชน ระบอบทหารและเครือข่ายอำมาตย์ เป็นต้น ล้วนผ่านการอภิปรายถกเถียงกั นอย่างจริงจัง สุดท้ายเราก็นำมาแปลเป็นภาษาอั งกฤษ ซึ่งได้รับความช่วยเหลื อจากคณะนักแปลและขัดเกลาที่มีอุ ดมการณ์ ประสบการณ์ และมีความรู้ในสองภาษาเป็นอย่ างดี จึงถือได้ว่าแถลงการณ์ครั้งนี้ เป็นผลงานทางความคิดร่วมกั นขององค์กรและเครือข่ายสนับสนุ นประชาธิปไตย
ไทม์ไลน์: มองการพัฒนาขององค์กรอย่างไร?
จักรภพ: องค์กรนี้จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ งอกเงยได้เรื่อยๆ จนมีลำต้นและกิ่งก้านสาขาที่แผ่ กว่างแข็งแรง เราไม่หวังโตโครมครามเหมื อนผลไม้จำบ่ม แต่หวังให้เป็นต้นไม้เนื้อแข็ งที่ยิ่งนานยิ่งแน่น เราจะไม่ลืมว่าเขายึดอำนาจเที่ ยวนี้เพราะเป็นปลายรัชกาล ไม่ว่าจะแดงเหลืองเขี ยวดำอะไรเขาก็ยึดทั้งนั้น เราก็ต้องทำใจว่างานนี้ อาจจะยาวนาน หรืออย่างน้อยเขาก็อยากอยู่กั นนานๆ นี่ประยุทธ์ จันทร์โอชาก็อยากเป็นนายกรั ฐมนตรีเสียเองแล้ว สัญญาณหื่นกระหายมันชัดเจนขึ้ นเรื่อยๆ ประวิตร์ วงศ์สุวรรณจึงอาจจะต้องรั บประทานแห้ว องค์กรของเราจึงต้องมองไกล และเดินยาว เอาประชาธิปไตยแท้จริงชนิดไม่ ใช่น้ำจิ้มกันดีกว่า
ไทม์ไลน์: คาดว่าคณะทหารจะมีปฏิกิริยาอย่ างไร?
จักรภพ: เรามาสนใจกันที่เจ้ าของหมาเถอะครับ.
Declaration of the Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)
I have received both a video-taped and written declaration in English from the newly established "Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD)". The video-taped version is read out by Red Shirt leader and former Thai government minister, Jakrapob Penkair
"Dear Fellow Thais,
It is now tragically evident that Thailand has returned, once again, to a vicious cycle of absolute dictatorial governance. The military junta regime that enacted this - in the name of the National Council for Peace and Order (NCPO) led by the Army chief, Gen. Prayuth Chan-Ocha - has used force to seize power from a democratically-elected civilian government. This is an outrageous act that has violated both Thai and international laws.
It is clear that the junta’s actions are nothing but a grand larceny. What they have stolen, however, are your most precious sovereignty and fundamental rights that are legally guaranteed under democratic governance. It’s impossible to put a price on these rights because they are directly equivalent to basic human dignity - a treasure whose value is immeasurable.
Moreover, the junta has violated the rule of law, abused democratic principles, and destroyed your rights, liberties, and human dignity. These are their most destructive crimes. The junta’s attempts to propagandise these criminal acts as legitimate are predictable - with their false promise to return “peace and order” - being nothing more than a deception wherein they attempt to rationalise and excuse their criminal actions. Their ultimate aim is to attempt to persuade ordinary Thai people to believe that dictatorship is superior to democracy. This game plan of demeaning and discrediting your sovereignty is one that has always been played out by Thai dictators and, as always, it has failed and will fail.
We condemn all the arbitrary and repressive violations of the rights and liberties of Thais and foreigners by the Thai military regime and its allies in their continued attempts to turn Thailand into a “state of fear”. The military regime have also claimed that at some point they will transfer sovereign power back to civilian authorities. What they mean is that that will have created a new puppet structure whose sole purpose will be to re-entrench anti-democratic elements into Thailand’s body-politic and to sabotage the development of Thai democracy. Any such structure will need to be removed before a more democratic and civilised society can be built.
On behalf of Thais worldwide who are committed to the principles of democracy and universal human rights, I hereby announce our complete and total refutation of the legitimacy of the NCPO. The military regime and its conspirators have no legitimate power whatsoever to govern the country’s economy and society.
Furthermore, we will do everything in our power to prevent the re-entrenchment of anti-democratic elements in Thailand, to defend all forms of freedom, to demand respect in all forms of human rights, and to establish a full democracy as permanent pillar of Thai society.
In order for Thais to establish a full democracy in which sovereign power lies fully with the people, we again completely refute the legitimacy of the Thai military regime and officially announce the establishment of the “Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD) on this day Tuesday, June 24th, 2014. This organisation will now become the centre for all Thais who possess an unyielding desire for full democracy, in full compliance with the principles of democracy, universal human rights, international laws, and non-violence.
The term “Free Thai” or “Seri Thai” - with its connections to the resistance movement during World War II - has a deep resonance with ordinary Thais, reflecting their genuine desires for freedom and dignity. We are fortunate today that Thais have such an historical role model in order to struggle against yet another oppressor. And our oppressors need to be clear - we will not remain inactive and accept the imposed order and we will fight together until victory is fully realised.
Colleagues in Thailand and other nations around the world have therefore agreed to pursue the following initial goals for the establishment of the “Organisation of Free Thai for Human Rights”
1. To oppose the military dictatorship and its aristocratic network, and establish the
people’s complete and unchallenged sovereignty;
2. To restore and strengthen Thai democracy so that it becomes the stable founding
pillar of the Thai state;
3. To guarantee and nurture respect for human dignity, equality, freedom, and peace;
4. To promote a free and fair economy;
5. To reform Thai culture so that its values are fully consistent with democracy;
6. To fully develop and improve the quality of life for all Thai citizens
I hereby announce the establishment of the Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD). Our struggle will become possible when all groups and sectors work hard and actively together so that we can meet our common goals.
Announced on Tuesday, June 24th, 2014
(Signed)
Mr.Charupong Reuangsuwan
Secretary General"
"Dear Fellow Thais,
It is now tragically evident that Thailand has returned, once again, to a vicious cycle of absolute dictatorial governance. The military junta regime that enacted this - in the name of the National Council for Peace and Order (NCPO) led by the Army chief, Gen. Prayuth Chan-Ocha - has used force to seize power from a democratically-elected civilian government. This is an outrageous act that has violated both Thai and international laws.
It is clear that the junta’s actions are nothing but a grand larceny. What they have stolen, however, are your most precious sovereignty and fundamental rights that are legally guaranteed under democratic governance. It’s impossible to put a price on these rights because they are directly equivalent to basic human dignity - a treasure whose value is immeasurable.
Moreover, the junta has violated the rule of law, abused democratic principles, and destroyed your rights, liberties, and human dignity. These are their most destructive crimes. The junta’s attempts to propagandise these criminal acts as legitimate are predictable - with their false promise to return “peace and order” - being nothing more than a deception wherein they attempt to rationalise and excuse their criminal actions. Their ultimate aim is to attempt to persuade ordinary Thai people to believe that dictatorship is superior to democracy. This game plan of demeaning and discrediting your sovereignty is one that has always been played out by Thai dictators and, as always, it has failed and will fail.
We condemn all the arbitrary and repressive violations of the rights and liberties of Thais and foreigners by the Thai military regime and its allies in their continued attempts to turn Thailand into a “state of fear”. The military regime have also claimed that at some point they will transfer sovereign power back to civilian authorities. What they mean is that that will have created a new puppet structure whose sole purpose will be to re-entrench anti-democratic elements into Thailand’s body-politic and to sabotage the development of Thai democracy. Any such structure will need to be removed before a more democratic and civilised society can be built.
On behalf of Thais worldwide who are committed to the principles of democracy and universal human rights, I hereby announce our complete and total refutation of the legitimacy of the NCPO. The military regime and its conspirators have no legitimate power whatsoever to govern the country’s economy and society.
Furthermore, we will do everything in our power to prevent the re-entrenchment of anti-democratic elements in Thailand, to defend all forms of freedom, to demand respect in all forms of human rights, and to establish a full democracy as permanent pillar of Thai society.
In order for Thais to establish a full democracy in which sovereign power lies fully with the people, we again completely refute the legitimacy of the Thai military regime and officially announce the establishment of the “Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD) on this day Tuesday, June 24th, 2014. This organisation will now become the centre for all Thais who possess an unyielding desire for full democracy, in full compliance with the principles of democracy, universal human rights, international laws, and non-violence.
The term “Free Thai” or “Seri Thai” - with its connections to the resistance movement during World War II - has a deep resonance with ordinary Thais, reflecting their genuine desires for freedom and dignity. We are fortunate today that Thais have such an historical role model in order to struggle against yet another oppressor. And our oppressors need to be clear - we will not remain inactive and accept the imposed order and we will fight together until victory is fully realised.
Colleagues in Thailand and other nations around the world have therefore agreed to pursue the following initial goals for the establishment of the “Organisation of Free Thai for Human Rights”
1. To oppose the military dictatorship and its aristocratic network, and establish the
people’s complete and unchallenged sovereignty;
2. To restore and strengthen Thai democracy so that it becomes the stable founding
pillar of the Thai state;
3. To guarantee and nurture respect for human dignity, equality, freedom, and peace;
4. To promote a free and fair economy;
5. To reform Thai culture so that its values are fully consistent with democracy;
6. To fully develop and improve the quality of life for all Thai citizens
I hereby announce the establishment of the Organisation of Free Thais for Human Rights and Democracy (FT-HD). Our struggle will become possible when all groups and sectors work hard and actively together so that we can meet our common goals.
Announced on Tuesday, June 24th, 2014
(Signed)
Mr.Charupong Reuangsuwan
Secretary General"
Tuesday, 3 June 2014
สัมภาษณ์พิเศษ: เลขานุการบริหารกลุ่มต่อต้านเผด็จการทหารไทย จักรภพ เพ็ญแข
นับตั้งแต่การทำรัฐประหารไทยวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 กองทัพได้ใช้ธีการบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามโดยการปราบปรามอย่างรุนแรง
แกนนำและนักกิกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวนมากถูกกองทัพไทยจับกุม ข่มขู่ว่าจะได้รับชะตากรรมที่เลวร้ายต่างๆนานาจากการกระทำก่อนปล่อยตัว หลายคนถูกจองจำอยู่ในบ้านพักโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มนักกิจกรรมขนาดเล็กได้รวมตัวกันนอกประเทศไทย และในขั้นต้นถูกมองว่าเป็น "กลุ่มคนไทยต่อต้าน" คณะเผด็จการทหาร
หนึ่งในบุคลลสำคัญที่ปรากฎตัวในกลุ่มต่อต้านนี้คืออดีตรัฐมนตรี นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ที่ไม่เห็นด้วยซึ่งได้ลี้ภัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2552 หลังจากถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายที่กดขี่และทารุณของประเทศไทย
นี่คือบทสัมภาษณ์คุณจักภพเรื่องขบวนการต่อต้านรัฐประหารไทยที่กำลังเบ่งบาน
คุณกล่าวว่ากำลังมีการก่อตั้งกลุ่มต่อต้านคณะเผด็จการทหารไทย ไม่ทราบว่าพอจะเล่ารายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่?
สมาชิกกลุ่มพวกเราบางคนเป็น สมาชิกคณะรัฐมนตรี, อดีตสส., แกนนำเสื้อแดง และนักกิจกรรมทางการเมือง เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยคิดจะยอมรับหรือยอมจำนนให้กับคณะรัฐประหารเถื่อนในประเทศไทย และที่มากกว่านั้นคือพวกเขาได้เดินทางออกนอกประเทศไทยแล้ว พวกเราทุกคนจะร่วมมือกันจัดตั้งขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร เพื่อนำพาประชาธิปไตยให้กลับคืนสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ยังไม่มีการสรุปว่าจะมีชื่อใครบ้าง จะดำเนินการที่ไหน หรือเรื่องเปิดเผยรายชื่อผู้ก่อตั้ง แต่การจัดตั้งองค์กรณ์จะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ปี 2557 อย่างแน่นอน
คุณจำมีบทบาทอย่างไรในการเคลื่อนไหวต่อต้านนี้?
ผมจะทำหน้าที่เป็นเลขานุการบริหารของกลุ่ม
คุณจะยอมเจรจากับคณะเผด็จการทหารหรือไม่ หรือคุณมองว่าพวกเขาไม่มีความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง?
พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่มีความชอบธรรม แต่พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นอาชญากร
รูปภาพเจ้าหน้าที่รัฐนิรนาม - จากกองทัพบก, กองทัพอากาศ, กองทัพเรือ, ตำรวจ และอีกมากมายที่ชูสามนิ้วอันเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร คุณต้องการจะส่งสารอะไรถึงเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งรู้สึกไม่พอใจกับคณะเผด็จการทหารบ้าง?
ผมแค่อยากจะบอกว่า เราเห็นพวกคุณ เราได้ยินพวกคุณ และอีกไม่นานเราจะต่อสู้เคียงข้างกับพวกคุณ หัวใจอันกล้าหาญของพวกคุณคือสิ่งที่เรายกย่อง และคืออาวุธอันทรงประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในประเทศไทย
ตอนนี้คณะเผด็จการทหารกดขี่ข่มเหงประชาชนมากแค่ไร?
คนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ปกครองประเทศอย่างกดขี่มากที่สุดนับตั้งแต่การปกครองแบบเผด็จการกระหายเลือดอย่างรุนแรงภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประชาชนถูกสังหาร ทำร้าย ละเมิด ข่มเหง และคุกคามอย่างไม่เคยมีมาก่อนในความทรงจำปัจจุบัน ผมเชื่อว่ามันเกิดจากการที่พวกเขารู้ว่าพวกเขาผิดพลาดมากแค่ไหน ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้ทำให้พวกเขาก่ออาชญากรรมและทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า
คุณคิดว่าอาจจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่?
ผมเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ประชาชนไม่เคยต้องการความรุนแรง เราแค่เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตามเราจะรักษาความเป็นระเบียบและความสงบทางสังคมได้อย่างไรเมื่อกลุ่มผู้กดขี่ข่มเหงประชาชนกำลังควบคุมประเทศและละเมิดสิทธิมนุษยชนเกือบจะทุกอย่าง?
คุณอยากส่งสารอะไรถึงผู้ที่อาจจะใช้ความรุนแรงต่อต้านคณะเผด็จการทหาร?
เราต้องอดทน เรากำลังเผชิญหน้ากับเครื่องจักรสังหาร และโดยธรรมชาติ กลุ่ม/ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยมักจะด้อยกว่ากลุ่มเครื่องจักรสังหารในการต่อสู้ด้วยวิธีการดังกล่าวอยู่แล้ว พูดง่ายๆเลยคือเราไม่ได้ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดี เราจะต้องเอาแนวความคิดและหลักการนำหน้า เพื่อทำให้โลกเข้าใจสถานการณ์ของเราและความชั่วร้ายของพวกเขา และสงครามนี้อาจจะชนะก่อนที่จะจะมีการเริ่มสู้รบด้วยซ้ำ
คุณมีสารอะไรถึงชุมนุมคนไทยในต่างประเทศที่ต่อต้านรัฐประหารหรือไม่?
คุณมีเราเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้ อย่ารู้สึกโดดเดี่ยวหรือท้อแท้
และอยากพูดอะไรกับผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารบนท้องถนนในกรุงเทพฯ?
เราขอคารวะความกล้าหาญและความรักอันแท้จริงของพวกคุณที่มีต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม ได้โปรดดูแลตัวเองและอย่าเอาตัวเข้าเสี่ยงมากจนเกินไป เราต้องการพวกคุณทุกคนในการต่อสู้เพื่อศักศรีดิ์ความเป็นมนุษย์
อันยาวนานในครั้งนี้
คุณมีสารอะไรถึงผู้นำคณะเผด็จการทหาร?
จริงๆแล้วเราไม่ต้องการสู้กับพวกคุณซึ่งเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ อย่างเราก็ตาม พวกคุณกำลังขวางทางและไม่ยอมหลีก เราจึงต้องต่อสู้กับพวกคุณเพื่อจะได้เข้าถึงกลุ่มอาชญากรตัวจริง ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นอภิสิทธิ์ชนที่ไม่ยอมปล่อยให้ประเทศไทยเติบโต และก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่
Subscribe to:
Posts (Atom)